เกมแข่งรถ ที่ครองใจใครหลายๆคน ด้วยการแข่งรถในสนามที่สมจริงมาก
GRID โดยเกมนี้ทาง Codemasters ได้วางจำหน่าย ภาคแรกตั้งแต่ปี 2008 ที่เป็นการ Spin off มาจากซีรีส์เกมแข่งรถ TOCA หรือ Touring Car Championship ที่กำลังโด่งดังอยู่ในสมัยนั้น และมาคราวนี้ ก็ได้ปล่อยเกมใหม่ออก
มาในชื่อนี้อีกครั้ง โดยครั้งนี้จะใช้ชื่อเกมเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด เพื่อให้ดูแตกต่างกับเกมชื่อเดียวกันเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และแน่นอนว่า นี่ไม่ได้เป็นการรีมาสเตอร์แต่อย่างใด แต่นี่คือเกมใหม่ทั้งหมด นั่นเอง
ความเป็นมาของซีรี่นี้ ที่ทุกคนต่างรอคอย
โดยเกมนี้คือเกมภาคที่ 4 ของซีรีส์นี้ ที่ห่างจากภาคก่อนอย่าง GRID Auto Sport นานถึง 5 ปี ที่แน่นอนว่าทีมงาน Codemasters นั้น มีความช่ำชองกับเกมแข่งรถมาตลอดทั้งทศวรรษที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็ยซีรีส์ X1 หรือ Dirt ที่หลายๆ คนคุ้นเคย
ตัวเกมมีจำนวนสนาม และชนิดของยานพาหนะให้เลือกในระดับหนึ่ง แต่โลเคชั่น และความหลากหลายของสนามแข่ง ยังไม่ค่อยมีความแตกต่างกันมากนัก แม้ว่าจะมีการตั้งค่าสนามก่อนแข่งขันได้ เช่นกลางวัน กลางคืน หรือฝน ที่จะมีผลต่อการขับขี่อยู่บ้าง
โหมดต่างๆ ของเกมนั้นจะมีทั้งโหมด Online Multiplayer ที่สามารถ Customize รายละเอียดได้ในระดับหนึ่ง และ Single Mode ที่โหลดหลักของภาคนี้ก็คือ Career โหมดนั่นเอง การนำเสนอภาพ
และเสียงของตัวเกมนั้น ถือว่าทำออกมาได้ตามมาตรฐานของเกมคอนโซลในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวรถ ระบบฟิสิกส์ แสง และเงา ฉากหลัง ต่บางครั้ง การโหลด Texture and Object ก็ช้ากว่าที่ควรจะเป็น รวมไปถึงบัคต่างๆ เช่น รถหายไปในกำลังก็มีมาให้เห็นอยู่บ้าง
รูปแบบเกมคร่าวๆ ที่ช่วยทำให้ตัดสินซื้อได้ง่ายขึ้น
Career Mode หรือโหมดอาชีพในภาคนี้นั้น จะมีเป้าหมายในการแข่งขัน GRID World Championship ซึ่งในการจะได้เข้าร่วมนั้น ผู้เล่นจะต้องผ่าน Qualify ก่อน จากการแข่งขันในรายการ Major Championship 4 รายการ
ที่แต่ละรายการก็จะมีสนามแข่ง และเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป ชนิดของรถที่ใช้แข่ง จะต้องแตกต่างกัน โดยผู้เล่นจะต้องใช้รางวัลจากการชนะการแข่งขันที่กำหนด มาซื้อ รวมไปถึงการผ่านคอร์สต่างๆ
โดยการทำตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น ชนะการแข่งขันในอันดับแรก หรือการจบการแข่งขันไม่เกินอันดับที่ 3 เป็นต้น และเมื่อผู้เล่นทำ Event ไหนสำเร็จ ก็จะเป็นการปลดล็อคการแข่งขันใหม่ๆ ต่อไปเรื่อยๆ จนผู้เล่นได้ Qualify สามารถเข้าแข่งขัน GRID World Championship ได้ ซึ่งโหมดนี้แม้ว่าจะมีข้อจำกัดในเรื่องของสนามแข่ง และโลเคชั่น แต่ด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างๆกัน ในแต่ละการแข่งขัน ก็ช่วยให้ตัวเกมดูไม่น่าเบื่อ และเล่นต่อๆไปได้เรื่อยๆ
ในด้านเกมเพลย์นั้นมีการทำออกมาในรูปแบบกึ่งกลางระหว่างการจำลองการขับรถแบบสมจริง และอาร์เคดเรซซิ่ง ได้อย่างสนุก และลงตัว สามารถเข้าถึงได้ไม่ยาก ถึงแม้จะมีการบังคับที่ง่ายกว่าเกม Driving Simulation ทั่วๆไป
Credit : Origin
เรียบเรียงโดย : battletechmux.com